Retinol เป็นส่วนผสมที่สำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยในการลดเลือนริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่, และลดสิว โดยมีหลายประเภทที่ต่างกันในแง่ของการออกฤทธิ์และความอ่อนโยนในการใช้งานครับ
- แนะนำว่า ก่อนจะเลือกใช้ Retinol เราควรรู้ก่อนว่าประเภทไหนเหมาะกับเรา หรือเรากำลังเลือกใช้แบบไหนอยู่ครับ ไปเริ่มกันเลย

ประเภทของ Retinol
- Retinol (Retin-A, Vitamin A1)
- คุณสมบัติ: Retinol เป็นรูปแบบที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มวิตามิน A ใช้เพื่อเพิ่มการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนริ้วรอย
- การออกฤทธิ์: Retinol ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวและเปลี่ยนเป็น retinoic acid (กรดเรติโนอิก) ซึ่งเป็นสารที่มีการออกฤทธิ์สูง
- ข้อดี: ช่วยปรับปรุงลักษณะผิว, ลดริ้วรอย, ลดการอุดตันของรูขุมขน
- ข้อเสีย: อาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองได้ในบางคน โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณมาก
- Retinoid
- คุณสมบัติ: Retinoid เป็นกลุ่มของสารสังเคราะห์ที่มีลักษณะคล้าย Retinol แต่มีการออกฤทธิ์ที่รุนแรงและมีการใช้ในการรักษาผิวมากขึ้น
- ชนิดของ Retinoid:
- Tretinoin (Retin-A): เป็น Retinoid ที่ใช้รักษาสิวและริ้วรอย
- Adapalene: ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาสิว โดยมีการระคายเคืองน้อยกว่า Tretinoin
- Tazarotene: ใช้สำหรับรักษาสิวและปัญหาผิวอื่นๆ โดยมักมีการระคายเคืองมากกว่า
- การออกฤทธิ์: Retinoid ทำงานเร็วกว่า Retinol และสามารถลดริ้วรอยหรือปัญหาผิวได้ดีขึ้น
- ข้อดี: ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวและริ้วรอย
- ข้อเสีย: อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้มากกว่า Retinol
- Retinaldehyde
- คุณสมบัติ: เป็นอนุพันธ์ที่อ่อนโยนกว่าของ Retinol และสามารถเปลี่ยนเป็น retinoic acid ได้
- การออกฤทธิ์: Retinaldehyde มีการออกฤทธิ์ที่อ่อนโยนกว่ารูปแบบอื่นๆ ของ Retinol และช่วยในการลดริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- ข้อดี: ระคายเคืองน้อยกว่า Retinol และ Retinoid อื่นๆ
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์อาจไม่เร็วเท่า Retinol หรือ Retinoid อื่นๆ
- Encapsulated Retinol (หรือ Retinol Encapsulation)
- คุณสมบัติ: เป็น Retinol ที่บรรจุอยู่ในแคปซูลเล็กๆ เพื่อควบคุมการปล่อยตัวในผิว
- การออกฤทธิ์: การปล่อย Retinol แบบค่อยเป็นค่อยไปทำให้มีการระคายเคืองน้อยกว่า และช่วยให้ Retinol ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ข้อดี: เหมาะสำหรับผิวที่บอบบาง เนื่องจากลดการระคายเคืองและช่วยในการบำรุงผิวได้ดี
- ข้อเสีย: มักจะมีราคาสูงกว่ารูปแบบทั่วไปของ Retinol
- Retinyl Palmitate
- คุณสมบัติ: เป็นการเชื่อมโยงระหว่าง Retinol กับกรดไขมันปาล์ม ซึ่งทำให้ Retinyl Palmitate อ่อนโยนและสามารถใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เน้นความอ่อนโยนได้
- การออกฤทธิ์: เมื่อใช้บนผิว, Retinyl Palmitate จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น retinoic acid ก่อนจึงจะออกฤทธิ์ ซึ่งทำให้มันออกฤทธิ์ช้ากว่า Retinol
- ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือไม่เคยใช้ Retinol มาก่อน
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนหรือไม่เร็วเท่ากับ Retinol หรือ Retinoid อื่นๆ
- Retinyl Acetate
- คุณสมบัติ: คล้ายกับ Retinyl Palmitate โดยเป็นอนุพันธ์ที่มีความอ่อนโยน
- การออกฤทธิ์: เปลี่ยนเป็น retinoic acid ในผิว แต่มีการออกฤทธิ์ที่ช้ากว่า
- ข้อดี: เหมาะสำหรับผิวบอบบาง และผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อ่อนโยน
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์อาจไม่เร็วเท่ากับ Retinol หรือ Retinoid อื่นๆ
สรุปประเภทของ Retinol
- Retinol (Retin-A, Vitamin A1): อ่อนโยน แต่มีประสิทธิภาพดี
- Retinoid: ทรงพลัง ใช้ในการรักษาสิวและริ้วรอย
- Retinaldehyde: อ่อนโยน, เหมาะสำหรับผิวที่บอบบาง
- Encapsulated Retinol: ปล่อย Retinol ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ระคายเคืองน้อย
- Retinyl Palmitate: อ่อนโยน เหมาะสำหรับผู้เริ่มใช้ Retinol
- Retinyl Acetate: อ่อนโยน เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวบอบบาง